มั่นคงฯ ชวนนักสืบจิ๋ว ตะลุยบ้านควาย...ค้นตำนานข้าวไทย ในโครงการ MK Sunday Together ครั้งที่ 8

ย้อนกลับ10 พฤศจิกายน 2553

ทุกวันนี้จะมีเด็กไทยกี่คนที่จะรู้ว่า กว่าจะมาเป็นข้าวหนึ่งจานนั้นต้องผ่านกระบวนการ ความยากลำบาก และความอดทนเพียรพยายามของชาวนาไทยมากน้อยสักเท่าใด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อโครงการ "ชวนชื่น" และ "สิรีนเฮ้าส์" จึงถือโอกาสใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ในวันอาทิตย์ชวนพลพรรคสมาชิกตัวน้อยกว่า 80 คน ในทุกโครงการของบริษัทฯ สวมรอยเป็นนักสืบจิ๋ว เข้าไปสืบเสาะค้นหาที่มาที่ไป และความเป็นมาของข้าวไทย ร่วมเรียนรู้การใช้ชีวิตของชาวนาไทย ณ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี ใน โครงการ MK Sunday Together ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น ครั้งที่ 8 โดยในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์  "นักสืบจิ๋ว ตะลุยบ้านควาย...ค้นตำนานข้าวไทย"

สำหรับภารกิจของนักสืบจิ๋ว ในโครงการ MK Sunday Together ครั้งที่ 8 นี้ น้อง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 80 ชีวิต ได้ร่วมกันเรียนรู้การใช้ชีวิตของชาวนาไทย พร้อมทั้งยังได้สนุกสนานกับการลงมือปฏิบัติจริงในทุกขั้นตอน โดยแบ่งเป็นฐานการเรียนรู้และเข้าถึงชีวิตชาวนาทั้งหมด 5 ฐานด้วยกัน คือ ฐานที่ 1 ค ควายน่ารัก  ทำความรู้จักกับควายไทยแสนน่ารัก  ฐานที่ 2 หมู่บ้านชาวนา เรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวนาไทย  ฐานที่ 3 วัฎจักรการทำนา ที่เริ่มตั้งแต่การไถคราด หว่านข้าว และดำนา  ฐานที่ 4 จากท้องนาสู่ลานข้าว เรียนรู้เรื่องของการนวดข้าวโดยใช้ควาย การทำความสะอาดเมล็ดข้าว สีข้าวโดยการสีโบก หรือการสีฝัด เป็นต้น และฐานสุดท้าย การแปรรูปข้าว ให้เป็นอาหารไทยคาว/หวานที่รู้จักและคุ้นเคยหลากหลายชนิด 

สาวน้อยนักสืบจิ๋วจาก โครงการชวนชื่น เพชรเกษม 81 น้องแพรว เด็กหญิงภัทรวดี ทีฆายุทธสกุล นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโยเซฟอุปถัมภ์ เล่าถึงความสนุกสนาน และความประทับใจในการเป็นนักสืบตัวน้อยที่ได้มาตะลุยบ้านควาย ให้ฟังว่า

"สนุกและชอบทุกๆ กิจกรรมที่ได้ไปร่วมครั้งนี้มากเลยค่ะ เพราะทำให้ได้รู้ว่าข้าวที่รับประทานอยู่ทุกวันมาจากความยากลำบากของชาวนา ผู้ที่มีความสำคัญ และเป็นสันหลังของชาติ และกิจกรรมในวันนี้ยังทำให้หนูได้รู้จักและใกล้ชิดกับควาย สัตว์ที่มีประโยชน์มากมายอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วเขาเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก ที่สำคัญคือหนูได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนา ทำให้รู้ว่าคนไทยมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย และมีวัฒนธรรมประเพณีที่สวยงามด้วยค่ะ

จริงๆ แล้วคุณแม่เคยบอกหนูหลายครั้งแล้วว่ากว่าชาวนาจะหาข้าวมาได้แต่ละเม็ดยากลำบากมาก ให้หนูทานข้าวให้หมดทุกครั้ง ซึ่งวันนี้หนูก็ได้รู้และเข้าใจว่ามันยากลำบากจริงๆ และต่อไปหนูก็จะทานข้าวอย่างรู้คุณค่ามากขึ้นและไม่กินทิ้งกินขว้างอีกแล้วคะ"  น้องแพรว กล่าว

ส่วนสาวน้อยนักสืบตัวจิ๋วจากโครงการชวนชื่น กอล์ฟอเวนิว   น้องแพร   หรือ เด็กหญิงอรณิชชา อารีพงษ์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ นักสืบผู้กล้าที่พร้อมลุย ทำให้ได้รับทั้งสาระความรู้ และความสนุกในทุกกิจกรรม เล่าว่า

"วันนี้หนูได้เป็นนักสืบจิ๋วที่สนุกที่สุดค่ะ เพราะได้เข้าร่วมและทดลองด้วยตัวเองทุกๆ ฐาน หนูชอบวิถีชีวิตของชาวนาไทยมากค่ะ เพราะเป็นชีวิตที่ได้อยู่กับธรรมชาติ และมีสัตว์เสี้ยงที่ฉลาดและซื่อสัตย์อย่างควาย ส่วนฐานที่ชอบที่สุดคือฐานที่ 3 คือ จากท้องนาสู่ลานข้าว ซึ่งหนูได้เรียนรู้การนวดข้าวด้วยการใช้ควาย ได้ฝึกจูงควาย ได้เรียนรู้การฝัดข้าว และการสีข้าวด้วยตัวเอง อีกฐานที่สนุกมากก็คือฐานวัฎจักรการทำนา เพราะได้ลงไปทดลองดำนาและไถนาโดยใช้ควายจริง ๆ ทำให้รู้ว่ากว่าจะได้ข้าวแต่ละเม็ดต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง และทำให้เข้าใจว่าข้าวแต่ละเม็ดมาจากความเหน็ดเหนื่อยของชาวนาจริงๆ คะ" น้องแพร กล่าวอย่างสนุกสนาน

มาที่นักสืบจิ๋วฝ่ายชายก็ไม่น้อยหน้า เด็กชายหยู่หาน อู๋ หรือ น้องทอมมี่  หนุ่มน้อยชาวจีน นักเรียนชั้นประถมเกรด 4 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบอน ที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยมากว่า 4 ปี  นักสืบช่างสงสัยและชื่นชอบควายไทยมากเป็นพิเศษ เล่าว่า

"เคยเห็นควายที่ประเทศจีน แต่ว่าตัวไม่ใหญ่ขนาดนี้ ผมรู้มาว่าควายไทยเป็นสัตว์ที่มีบุญคุณกับชาวนาไทยตั้งแต่ในอดีต เพราะชาวนาได้ใช้ควายในการทำไร่ ทำนา และการเดินทาง วันนี้ผมมาดูโชว์ของควาย สนุกมากเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นโชว์แสนรู้ต่างๆ ของควาย เช่น ควายยิ้มได้ ยกขาได้ คลาน หมอบ หรือโชว์ให้ความรู้ เช่น การขึ้นหลังควาย ควายเทียมเกวียน และทำขวัญควาย ซึ่งเป็นพิธีที่แสดงความขอบคุณควายที่ช่วยทำงานมาตลอด ผมก็อยากฝากให้เพื่อนๆ ร่วมกันอนุรักษ์ควายไทยให้อยู่คู่ชาวนาไทยตลอดไปครับ เพราะทุกวันนี้เราจะไม่ค่อยได้พบเห็นควายเลย จึงอยากให้เพื่อนๆ มาสัมผัสและรู้จักควายให้มากขึ้น รับรองจะชอบพวกมันครับ" น้องทอมมี กล่าว

ปิดท้ายความสนุกสนานด้วยนักสืบรุ่นพี่ กับภารกิจปลูกข้าว น้องเน็กซ์ หรือ เด็กชายภคพงศ์ แหวนหล่อ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีมี่ 1 โรงเรียนนวมินทราชูทิศ ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตา ดำนา อย่างขมักเขม้น  เล่าให้ฟังว่า

"ผมชอบกิจกรรมปลูกข้าวมากที่สุดครับ ได้ทดลองทำตั้งแต่ปลูกข้าวโดยใช้ควายไถคราดนา เดินบนโคลนนุ่มเท้าที่กว่าจะย่างแต่ละก้าวลำบากแต่สนุกมากครับ โดยพี่ๆ เล่าให้ฟังว่าการปลูกข้าวมี 2 แบบคือ การปลูกข้าวแบบนาดำ โดยใช้ต้นกล้าข้าวปักลงในพื้นโคลนที่ไถคราดแล้ว การดำนาวิธีนี้จะทำให้ข้าวแตกกอเจริญงอกงามดี เพราะต้นข้าวไม่เบียดเสียดกัน ทำให้ผลผลิตสูง ใช้เมล็ดข้าวเปลือกในการปลูกน้อย และเก็บเกี่ยวได้สะดวก ส่วนการปลูกข้าวแบบนาหว่าน จะทำในพื้นที่นาที่มีน้ำน้อยไม่สามารถทำการปักดำได้ หรือในกรณีที่ปักดำไม่ทัน หลังไถคราดเสร็จจึงทำนาหว่าน คือ ปลูกข้าวด้วยการหว่านเมล็ดข้าวเปลือกลงในนาแล้ว ปล่อยให้เจริญเติบโตจนเก็บเกี่ยวได้ เป็นการทำนาที่สะดวก ใช้เวลาและแรงงานน้อยที่สุด ซึ่งผมก็ได้ทดลองทั้งการดำนา และหว่านข้าวยากลำบากพอกันทั้ง 2 แบบ ทำให้วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเราถึงเรียกชาวนาว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติครับ"น้องเน็กซ์ฝากทิ้งท้าย

ถึงแม้ในวันนี้ภารกิจของบรรดาเหล่านักสืบจิ๋วจะสิ้นสุดลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน สิ่งสำคัญที่เหล่านักสืบจิ๋วได้รับและได้จดจำไปตลอดก็คือ คุณค่าของข้าวทุกเม็ดที่มาจากความเหน็ดเหนื่อยของชาวนาไทย และอดีตบทบาทอันสำคัญของเจ้าควายตัวใหญ่ที่นับวันจะถูกหลงลืมไปจากวิถีชีวิตของสังคมไทย

 

น้องแพรว เด็กหญิงภัทรวดี ทีฆายุทธสกุล นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโยเซฟอุปถัมภ์

 

น้องแพร   หรือ เด็กหญิงอรณิชชา อารีพงษ์
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์

เด็กชายหยู่หาน อู๋ หรือ น้องทอมมี่  นักเรียนชั้นประถมเกรด 4 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบอน

น้องทอมมีกับสุดยอดควายไทย

น้องเน็กซ์ หรือ เด็กชายภคพงศ์ แหวนหล่อ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีมี่ 1 โรงเรียนนวมินทราชูทิศ

ลีลาไถนา ของน้องเน็กซ์ และเพื่อน

 

กิจกรรมภายในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย

น้อง ๆ สนุกสนานกับการชมการแสดงควายแสนรู้

น้อง ๆ สนุกสนานกับการชมการแสดงควายแสนรู้

 

เรียนรู้วิธีการดำนา

 

การฝึกนวดข้าวด้วยควาย

การแปรรูปจากข้าวมาเป็นขนมไทย

ศึกษาความเป็นอยู่ของชาวนาไทย

น้อง ๆ สนุกสนานกับการลงมือไถนาด้วยตัวเอง

 

ข่าวประชาสัมพันธ์